Lesson 92 : สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการออกแบบและติดตั้งตู้แบตเตอรี่ เพื่อความปลอดภัยและการบำรุงรักษาที่สะดวก

CASE : งานทรัพย์กรน้ำแห่งชาติ

ปัญหา : เปลี่ยนลูก BATTERY และวัดค่า BATTERY ค่อนข้างลำบาก จากพื้นที่ภายในห้อง ที่แคบ

แก้ไข : เปลี่ยนฝาตู้ BATTERY และ จักเรียง BATTERY ใหม่

ป้องกัน : เพื่อแก้ปัญหาการจัดวาง Battery ในตู้แบตเตอรี่ให้เหมาะสมสำหรับการวัดค่า บำรุงรักษา และเปลี่ยนแบตในอนาคต โดยอ้างอิงจากหลักการออกแบบตู้แบตเตอรี่และข้อจำกัดที่พบในไซต์งานจริง ดังนี้

1. การวางตำแหน่งและการเข้าถึงขั้วแบตเตอรี่

  • ระยะห่างขั้วต่อ (Terminal Clearance): ควรจัดวางให้ขั้วบวกและขั้วลบอยู่ด้านหน้า หรือด้านบนของแบตเตอรี่เสมอ เพื่อให้สามารถใช้เครื่องมือวัดและขันสกรูได้สะดวก โดยระยะห่างจากฝาตู้ถึงขั้วแบตควร ไม่น้อยกว่า 150–200 มม.
  • ใช้ Busbar หรือ Flexible Link: แทนการใช้สายลิงก์ยาว เพื่อลดแรงดันตกคร่อมและลดความซับซ้อนในการจัดสาย

2. การออกแบบตู้และการเปิดประตู

  • ประตูเปิดได้เกิน 90 องศา: ถ้าพื้นที่ห้องจำกัด ควรใช้บานพับแบบพิเศษหรือออกแบบเป็น Sliding Door / Removable Door เพื่อให้สามารถเปิดเต็มที่ได้แม้ระยะด้านหน้าตู้จะน้อย
  • ความลึกตู้ไม่เกิน 800 มม.: เพื่อให้ช่างสามารถเอื้อมถึงอุปกรณ์ได้โดยไม่ต้องปีนเข้าไปในตู้

3. การเว้นระยะเปลี่ยนแบตเตอรี่

  • ระยะความสูงต่อชั้น: ควรเผื่อระยะให้สามารถ ยกแบตออกจากชั้นได้โดยตรง โดยไม่ต้องถอดแบตแถวหน้าออกก่อน เช่น เว้นระยะอย่างน้อย 300–350 มม. เหนือความสูงแบตเตอรี่หนึ่งลูก
  • การจัดเรียงแบบ Pull-Out Tray: หากงบประมาณเอื้อ ควรใช้ถาดแบบ Slide Out เพื่อให้เปลี่ยนแบตด้านหลังได้โดยไม่ต้องรื้อแบตแถวหน้า

4. การบำรุงรักษาและการวัดค่า

  • ติดตั้ง Battery Monitoring System (BMS): ใช้สำหรับวัดแรงดันและอุณหภูมิแต่ละแบตเพื่อลดการวัดด้วยมือ
  • จัดทำ Single-Line Diagram: ให้ระบุจุดวัดแรงดัน กระแส และตำแหน่ง Breaker อย่างชัดเจน

5. แนวทางป้องกันปัญหาเดิม (Preventive Design)

  • จัดทำ Battery Cabinet Layout Standard ระบุระยะมาตรฐาน เช่น ความสูงต่อชั้น ระยะเปิดประตู ระยะห่างระหว่างแบต และตำแหน่งขั้วต่อ
  • ตัวแบ่ง: เปลี่ยนชนิดหรือสไตล์ของบล็อก
  • เลื่อนบล็อก ตัวแบ่ง จากตำแหน่ง 16 ขึ้นไปยังตำแหน่ง 15
  • ย้ายบล็อก ตัวแบ่ง จากตำแหน่ง 16 ลงไปยังตำแหน่ง 17
  • เปลี่ยนการจัดตำแหน่ง

6.มิติและการเข้าถึง (Accessibility & Ergonomics)

  • ความสูงต่อชั้น: เผื่อระยะอย่างน้อย 300–350 มม. ระหว่างด้านบนแบตกับโครงชั้นถัดไป เพื่อให้ยกเปลี่ยนแบตได้โดยไม่ต้องถอดแถวหน้า
  • ช่องทางเดินหน้า-ตู้: ต้องไม่น้อยกว่า 800 มม. ตามมาตรฐานการไฟฟ้าไทย (PEA/MIT) เพื่อให้บำรุงรักษาได้อย่างปลอดภัย
  • มุมเปิดประตู: ถ้าหน้าตู้แคบ ใช้ประตูแบบยกออกได้ (Removable) หรือบานเลื่อนแทนบานพับ

7.ความปลอดภัยทางไฟฟ้าและโครงสร้าง (Electrical & Structural Safety)

  • กำลังรับน้ำหนักของชั้น: ตรวจสอบน้ำหนักรวมแบตแต่ละชั้น (เช่น 100Ah หนัก 30–35 กก./ลูก → ชั้นละ 300–350 กก.)
  • สายลิงก์และบัสบาร์: ใช้บัสบาร์ทองแดงเคลือบฉนวน หรือสายลิงก์แบบ Flexible สั้น ป้องกัน Overheat และแรงดันตกคร่อม
  • การป้องกัน Short Circuit: เผื่อระยะห่างและติดตั้ง Cover ฉนวนบนขั้ว

8. การระบายอากาศและสภาพแวดล้อม (Ventilation & Environment)

  • อุณหภูมิห้องแบต: ควบคุม 20–25°C ลดการเสื่อมอายุของแบต VRLA
  • การระบายความร้อน: เว้นช่องว่างด้านบน-ด้านข้างเพื่อการไหลเวียนอากาศ
  • ป้องกันฝุ่น/ความชื้น: ตู้ควรมี IP Rating ตามสภาพแวดล้อม

การติดตั้ง